“การติดเชื้อที่หู (Ear Infection)” เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมักมาพร้อมกับอาการเจ็บปวด แต่รู้หรือไม่ว่า การติดเชื้อเหล่านี้อาจส่งผลต่อการได้ยินของคุณได้อีกด้วย! มาดูกันว่าเราควรสังเกตอาการอะไรบ้าง หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีภาวะหูติดเชื้อ

ในหลายกรณี การสูญเสียการได้ยินหลังติดเชื้อหูมักเป็นเพียงชั่วคราว และจะกลับมาเป็นปกติเมื่อหายดี แต่หากไม่ได้รับการรักษา หรือมีการติดเชื้อซ้ำ ๆ จนเรื้อรัง ก็อาจทำให้สูญเสียการได้ยินถาวรได้ การทำความเข้าใจว่า “การติดเชื้อที่หูส่งผลต่อการได้ยินอย่างไร” และรู้ว่า “เมื่อใดควรไปพบแพทย์” จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเสียหายต่อการได้ยินในระยะยาว

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจในประเภทของหูติดเชื้อ ผลกระทบต่อการได้ยิน และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมหากการได้ยินของคุณไม่กลับมาหลังจากการติดเชื้อหายแล้ว

1. การติดเชื้อที่หูสามารถทำให้สูญเสียการได้ยินได้หรือไม่?

คำตอบคือ “ได้”

ในกรณีส่วนใหญ่ การสูญเสียการได้ยินนี้จะเป็นเพียงชั่วคราว เมื่อการติดเชื้อหายขาดและของเหลวในหูระบายออกไปแล้ว การได้ยินมักจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ

แต่ถ้าหูอักเสบไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง หรือกลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรัง จนทำลายโครงสร้างภายในหูที่บอบบาง ก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินถาวรได้ ดังนั้น การรักษาอย่างทันท่วงที คือหัวใจสำคัญในการปกป้องสุขภาพการได้ยินของคุณ

2. ประเภทของหูติดเชื้อที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยิน

เมื่อจำแนกตามตำแหน่งที่เกิดการติดเชื้อ มีการติดเชื้อที่หูหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 

  • หูชั้นนอก (Outer Ear)
  • หูชั้นกลาง (Middle Ear)
  • หูชั้นใน (Inner Ear)

แต่ละประเภทมีผลต่อการได้ยินในลักษณะที่แตกต่างกัน แม้ว่าส่วนใหญ่จะทำให้ได้ยินลดลงเพียงชั่วคราว แต่ในบางกรณี โดยเฉพาะหูชั้นในอักเสบ อาจก่อให้เกิดความเสียหายถาวรได้บางครั้ง

🔹 การสูญเสียการได้ยินจาก “หูชั้นนอกอักเสบ (Outer Ear Infection)”

หูชั้นนอกอักเสบมักเกิดจากแบคทีเรียหลังจากสัมผัสน้ำ เช่น หูอักเสบจากการว่ายน้ำ (Swimmer’s Ear) หรือเกิดจากการกระแทก เช่น การใช้ไม้พันสำลีแคะหูแรงเกินไป

อาการบวม อักเสบ และเศษสิ่งสกปรกในช่องหูอาจขัดขวางการเดินทางของเสียงไปถึงแก้วหู ทำให้การได้ยินลดลงชั่วคราว โดยทั่วไปมักเป็นภาวะไม่รุนแรง และสามารถรักษาได้ด้วยการรักษาต่างๆ เช่น ยาหยอดหูที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อรา

🔹 การสูญเสียการได้ยินจาก “หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media)”

การติดเชื้อเฉียบพลันที่หูชั้นกลางมักนำไปสู่อาการเจ็บหูอย่างกะทันหัน มีไข้ และการสูญเสียการได้ยินชั่วคราว สาเหตุมาจากของเหลวที่สะสมในหูชั้นกลางอันเนื่องมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส 

การสะสมของของเหลวดังกล่าวขัดขวางการส่งผ่านของเสียง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน นอกจากนี้ การติดเชื้อที่หูชั้นกลางอาจทำลายแก้วหูหรือกระดูกหูเล็ก (ossicles) ซึ่งอาจทำให้มีของเหลวไหลออกจากหู และนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินถาวรได้

อีกปัจจัยสำคัญคือการระบายอากาศในหูชั้นกลาง หาก ท่อยูสเตเชียน (Eustachian tube) ซึ่งเป็นช่องทางเชื่อมระหว่างหูกับลำคอ อุดตัน จะเกิดสภาวะสุญญากาศที่ทำให้การได้ยินบกพร่องบางส่วน

🔹 การสูญเสียการได้ยินจาก “หูชั้นในอักเสบ (Labyrinthitis / Vestibular Neuritis)”

การติดเชื้อในหูชั้นในอาจส่งผลกระทบต่อ คอเคลียหรือหูชั้นในรูปหอยโข่ง (Cochlea) ซึ่งเป็นอวัยวะรับเสียง หรือระบบทรงตัว (Vestibular System) และก่อให้เกิดปัญหาด้านการทรงตัวและ/หรือการได้ยิน เมื่อเกิดการอักเสบในบริเวณนี้ (เรียกว่า Labyrinthitis) อาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวร และมีอาการเวียนศีรษะ 

หากการอักเสบเกิดเฉพาะที่ เส้นประสาทการทรงตัว (Vestibular Neuritis) จะมีอาการเวียนหัวโดยไม่กระทบต่อการได้ยิน การอักเสบของหูชั้นในอาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินชั่วคราวหรือถาวรได้

3. การฟื้นฟูการได้ยินหลังหายจากหูติดเชื้อ

โดยทั่วไป ระยะเวลาที่การได้ยินกลับมาเป็นปกติหลังจากการติดเชื้อหายดีแล้ว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ 

  • ความรุนแรงของการติดเชื้อ และ
  • ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหูชั้นกลางเรื้อรัง หรือความเสียหายต่อโครงสร้างของหู

ในกรณีส่วนใหญ่ การได้ยินควรกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่สัปดาห์ (2-4 สัปดาห์) จากการรักษา

โดยทั่วไป การติดเชื้อหูชั้นกลางเฉียบพลันหากรักษาทันเวลา การได้ยินมักกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่วันถึงไม่กี่สัปดาห์ แต่ถ้ายังมีของเหลวตกค้างในหูชั้นกลาง หรือการติดเชื้อไม่หายสนิท การได้ยินอาจยังหูอื้อ หรือการได้ยินลดลง

ดังนั้นควรตรวจติดตามกับแพทย์หู คอ จมูก อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายถาวรเกิดขึ้น

สำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อที่หูบ่อย ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก อุปกรณ์ช่วยฟังแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น ADHEAR เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเด็กที่มีการติดเชื้อหูซ้ำ ๆ เพราะช่วยให้เด็กได้ยินเสียงในช่วงสำคัญของการพัฒนาทักษะด้านภาษา

อ่านรายละเอียด ADHEAR เพิ่มเติมได้ ที่นี่

4. เมื่อการได้ยินไม่กลับมาเป็นปกติหลังหูติดเชื้อ

หากหลังจากการติดเชื้อหายดีแล้ว แต่ยังมีอาการ “หูอื้อ” หรือ “การได้ยินบกพร่อง” อาจบ่งบอกว่ามีความเสียหายต่อโครงสร้างของหูหรือหูชั้นใน เช่น

  • แก้วหูหรือกระดูกหูเสียหาย
  • การอักเสบส่งผลกระทบต่อหูชั้นใน

ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม เพราะหากปล่อยไว้ อาจทำให้สูญเสียการได้ยินถาวรได้

ในกรณีที่สูญเสียการได้ยินถาวร อาจพิจารณาวิธีการแก้ปัญหาการได้ยิน เช่น เครื่องช่วยฟัง ควบคู่ไปกับการรักษาทางการแพทย์หรือการผ่าตัดอื่นๆ สิ่งสำคัญที่ควรระลึกคือ การติดเชื้อที่หูชั้นกลางที่ไม่ได้รับการรักษา ไม่เพียงทำให้เจ็บปวดรุนแรง แต่ยังอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินถาวรได้ ดังนั้น การป้องกันและการรักษาที่ทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

วิธีการแก้ปัญหาอื่นๆ สำหรับการสูญเสียการได้ยินถาวรที่รุนแรงกว่า ได้แก่ การผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม (Cochlear Implants) และเครื่องนำเสียงผ่านกระดูก (Bone Conduction Implants)

5. ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ — การดูแลสุขภาพการได้ยิน

ส่วนใหญ่แล้ว การสูญเสียการได้ยินจากการติดเชื้อหูจะดีขึ้นได้เมื่อรักษาอย่างถูกต้อง แต่ถ้าการได้ยินไม่กลับมา อาจบ่งบอกถึงความเสียหายถาวร การพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ และการรักษาทันท่วงที คือกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาว

บทความนี้เป็นข้อมูลเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีอาการควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

อ้างอิง MED-EL blog

Tags

No responses yet

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *