เสียงรอบตัวที่เราได้ยินในชีวิตประจำวันนั้น มีลักษณะเสียงที่แตกต่างกันทั้งเรื่องความถี่ และความดัง เพื่อความเข้าใจที่ง่าย สามารถศึกษาได้จากตัวอย่างเสียงที่แสดงในภาพดังภาพต่อไปนี้
ตัวอย่างเสียงที่เบา
- เสียงน้ำหยด เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่ต่ำ บริเวณ 125Hz – 250Hz และมีความดังประมาณ 10 เดซิเบล
- เสียงใบไม้ปลิว จัดอยู่ในช่วงความถี่กลาง บริเวณ 1000Hz-1500Hz และมีความดังประมาณ -10 ถึง 0 เดซิเบล
- เสียงนกร้อง เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่สูง บริเวณ 6000Hz และมีความดังประมาณ 0 เดซิเบล
หมายเหตุ
ความดังของเสียงจะถูกวัดค่าเป็นหน่วยที่เรียกว่า เดซิเบล ซึ่ง 0 เดซิเบล (0dB) ไม่ได้หมายความว่า “ไม่มีเสียง” ซึ่งเสียงที่ต่ำกว่า 0 เดซิเบลถือเป็นเสียงที่เบามากๆ
ตัวอย่าง เสียงดัง
- เสียงสุนัขเห่า เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่ต่ำ บริเวณ 250Hz และมีความดังประมาณ 70 เดซิเบล
- เสียงเปียโน เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่กลาง บริเวณ 750Hz-1500Hz และมีความดังประมาณ 80 เดซิเบล
- เสียงโทรศัพท์บ้าน เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่สูง บริเวณ 4000Hz และมีความดังประมาณ 80 เดซิเบล
หมายเหตุ
ข้อมูลในภาพเป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น เสียงของจริงอาจมีความถี่และความดังแตกต่างไปจากนี้ได้ ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น โน้ตที่เปลี่ยนไปของเสียงเปียโน , พันธุ์สุนัข , ยี่ห้อโทรศัพท์ เป็นต้น
ตัวอย่างเสียงที่ดังมาก
- เสียงเครื่องยนต์ เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่ต่ำ บริเวณ 250Hz และมีความดังประมาณ 100 เดซิเบล
- เสียงเครื่องบิน เป็นเสียงที่จัดอยู่ในช่วงความถี่สูง บริเวณ 4000Hz และมีความดังประมาณ 110 เดซิเบล
สำหรับเสียงสนทนาปกตินั้นจัดอยู่ในช่วงความถี่ บริเวณ 250-8000Hz และมีความดังที่ประมาณ 40-60 เดซิเบล ซึ่งเสียงในภาษาไทยนั้นมีหลายเสียง โดยเสียงพยัญชนะแต่ละตัวก็มีความถี่ และความดังที่แตกต่างกันอีกเช่นกัน
เสียงของผู้หญิงจะแหลมกว่าเสียงผู้ชาย หรือเรียกได้ว่า เสียงผู้หญิงจัดเป็นเสียงที่อยู่ในช่วงความถี่สูงกว่าเสียงผู้ชาย ส่วนระดับเสียงดัง-เบาอาจมีความแตกต่างกันได้ในแต่ละบุคคล
วิธีการป้องกันหูจาก เสียงดัง
สำหรับการป้องกันหูจากเสียงดัง มี 3 ปัจจัยที่เราควรทราบ และควบคุมไม่ให้เกิน เพื่อป้องกันไม่ให้หูของเราเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ได้แก่
- ความดังของเสียง
- ระยะเวลาในการฟัง
- ความถี่ในการรับฟัง (บ่อยครั้งเพียงใด)
*** สำหรับเสียงที่ไม่ดังมากแต่หากฟังเป็นระยะเวลานานก็อาจมีอันตรายพอๆกับการฟังเสียงดังในระยะเวลาสั้น ๆ ได้เช่นกัน
องค์การอนามัยโลกแนะนำ
การรับฟังเสียงต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน คุณสามารถดูแลตัวเองได้ดังต่อไปนี้
- สำหรับผู้ใหญ่ สามารถฟังระดับเสียงไม่เกิน 80 เดซิเบลได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- สำหรับเด็กสามารถระดับเสียงไม่เกิน 75 เดซิเบลได้ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
หากเสียงดังกว่านั้น เวลาที่แนะนำจะลดน้อยลง เช่น ไม่ควรฟังระดับเสียง 100 เดซิเบลเอเกิน 15 นาที
- ในบ้านและห้องเรียนไม่ควรมีเสียงดังเกิน 35 เดซิเบล
- ในห้องนอนไม่ควรมีเสียงดังเกิน 30 เดซิเบล (เป็นคำแนะนำสำคัญในการพิจารณาเลือกชนิดเครื่องปรับอากาศ เพราะหากเสียงดังเกินกว่าคำแนะนำ และต้องอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวเป็นเวลาหลายชั่วโมง จะทำให้ประสาทการได้ยินเสื่อมลงได้)
- เสียงดังในงานเลี้ยง หรือ โรงภาพยนตร์จะอยู่ประมาณ 100 เดซิเบล ดังนั้นไม่ควรอยู่ในงานเลี้ยงเกิน 4 ชั่วโมง
- เสียงจากลำโพงชนิดครอบศีรษะดังประมาณ 85 เดซิเบล จึงไม่ควรฟังนานกว่า 8 ชั่วโมง
- เสียงจากหูฟังชนิดสอดในรูหูเสียงจะดังถึง 105 เดซิเบล จึงไม่ควรใช้หูฟังเกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับโรคหูเพิ่มเติมได้ที่ บทความ
image by Freepik
Line Official : @hearlifeth
Facebook: https://www.m.me/hearlifethai
หรือโทร 02-693-9411
No responses yet