หู  เป็นอวัยวะที่สําคัญและมีค่าต่อชีวิตของเรามาก หูช่วยให้เราได้ยิน ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ได้รู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้น  และยังมีคุณค่าต่อชีวิตของเรานานับประการ

ความผิดปกติทางการได้ยินหรือความผิดปกติจาก หู อาจเกิดกับบุคคลใดก็ได้ แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทําให้บุคคลนั้นรู้สึกหงุดหงิด รําคาญใจที่ฟังคนอื่นพูดไม่รู้เรื่อง ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตใจ และอารมณ์ของบุคคลนั้น

 

 

ฉะนั้นเพื่อป้องกันความผิดปกติทางการได้ยินจึงมีข้อแนะนําดังต่อไปนี้

1. ทุกครั้งที่มีปัญหาเกี่ยวกับ หู ควรปรึกษาแพทย์ หรือถ้าเป็นไปได้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางหูโดยเฉพาะ

2. ไม่ควรหยอดยาหรือรักษาหูเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

3. อย่าแคะหรือล้างหูโดยไม่จําเป็น โดยเฉพาะไม่ควรให้ช่างตัดผมแคะขี้หูให้โดยเด็ดขาด

4. สําหรับสตรีที่กําลังตั้งครรภ์และมีอาการแพ้ท้องมาก ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะยาแก้แพ้บางชนิดมีผลต่อเด็กในครรภ์ ทําให้เด็กหูพิการได้

5. ไม่ควรเข้าไปในบริเวณที่มีเสียงดังมากๆ เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรม บริเวณสนามบิน หรือบริเวณที่มีการจุดประทัด ระเบิด พลุหรือยิงปืน เป็นต้น เพราะเสียงดังเหล่านี้จะทําลายประสาทหูได้ ในกรณีที่ทํางานกับเครื่องจักรที่มีเสียงดังมากๆ เช่น เครื่องยนต์ เครื่องทอผ้า เครื่องไสไม้ หรือเครื่องจักรในโรงงานหลอมโลหะ โรงงานแก้ว ฯลฯ ควรใช้เครื่องป้องกันเสียงอุดหู   เพื่อป้องกันประสาทหูถูกทําลาย

 

6. มียาหลายประเภทที่เป็นพิษต่อประสาทหู ฉะนั้นในการใช้ยาทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นยาฉีดหรือยารับประทาน จําเป็นต้องปรึกษาแพทย์เสมอ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังต่อไปนี้

  • ยารักษามาลาเรีย (ควินิน) หรือยาแก้ปวดเช่น เอ.พี.ซี, แอสไพริน ถ้าจําเป็นต้องรับประทานแล้วมีอาการหูอื้อ ให้หยุดยาทันที
  • ยาฉีดประเภทยาปฏิชีวนะต่างๆ เช่น สเตร็ปโตมัยซิน หรือยารักษาวัณโรค เนื้องอก โรคไตอาจทําให้ประสาทหูเสื่อมได้

7. ถ้าท่านมีอาการเวียนศรีษะมาก และเวียนแบบตัวหมุน หรือบ้านหมุน ควรไปพบแพทย์

8. สําหรับครอบครัวที่มีบุตรหูหนวก หรือหูตึงแต่กําเนิด ควรปรึกษานักแก้ไขการได้ยิน และควรพาบุตรคนอื่นๆไปตรวจหาระดับการได้ยินเพราะอาการหูหนวกอาจมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ บุตรคนอื่นจึงมีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีอาการหูหนวกได้เช่นกัน

 

สําหรับเด็กที่มีประวัติดังต่อไปนี้ถือเป็นสัญญาณที่ควรนําเด็กไปพบแพทย์

  • ไม่สะดุ้งหรือตกใจต่อเสียงดัง
  • ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
  • พูดแล้วฟังไม่เข้าใจ หรือ มักถามซ้ำๆ
  • ชอบมองหน้าเวลาพูดด้วย
  • ตอบไม่ตรงคําถาม
  • ดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุดังกว่าปกติ
  • หูอักเสบบ่อย
  • ตอบสนองต่อเสียงไม่สม่ำเสมอ
Tags

No responses yet

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *