เชื้อราในช่องหู

โรค เชื้อราในช่องหู (Otomycosis) เป็นโรคหูชั้นนอกอักเสบจากเชื้อรา ซึ่งพบภาวะแทรกซ้อนในหูชั้นกลางได้น้อย และไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต สามารถเกิดขึ้นได้บ่อย และเป็นซ้ำได้สูง โดยการติดเชื้อราที่หูส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อรา Aspergillus และ เชื้อรา Candida

โรค เชื้อราในช่องหู

1. อาการ

  • มีอาการคันหู 
  • เมื่อใช้ไฟส่องในรูหู อาจพบขุยขาวๆ ที่ผิวหนังรอบ ๆ รูหู
  • ปวดหู  หรือ หูอื้อ
  • มีน้ำหรือสารคัดหลั่งไหลจากหู
  • บางรายมีเสียงดังในหูร่วมด้วย
  • การได้ยินลดลง เนื่องจากมีการสะสมของเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบภายในช่องหูและช่องหูแคบลง

2. ปัจจัยที่อาจก่อให้เกิด เชื้อราในหู 

  • การแคะหรือปั่นหู
  • มีขี้หูในปริมาณมาก
  • ช่องหูมีความชื้น
  • ผู้ที่เล่นกีฬาทางน้ำ
  • ผู้ที่อาศัยในเขตร้อน หรืออบอุ่น
  • ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • การมีประวัติหูน้ำหนวกเรื้อรัง แก้วหูอักเสบ การผ่าตัดหรือใส่เครื่องช่วยฟังในหูมาก่อน
  • การใช้ยาหยอดบางชนิดมีโอกาสทำให้เป็นเชื้อราในหูได้มากขึ้น เช่น sofradex ear drop, ofloxacin ear drop 

3. การรักษา

เมื่อมีอาการแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด วินิจฉัย และรักษาอย่างเหมาะสมกับอาการของแต่ละคน การรักษามีหลายรูปแบบ เช่น ยาทาน ยาทาชนิดครีม และยาหยอดหู เป็นต้น

หากเปรียบเทียบระหว่างยาทาชนิดครีม กับยาหยอดหู พบว่ายาหยอดหูจะทำให้หูแห้งเร็วและใช้งานสะดวก ใช้ง่ายกว่าชนิดครีม แต่เมื่อพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพ จากรายงานการวิจัยกล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวใดดีกว่ากัน และสำหรับท่านใดที่เป็นโรคเชื้อราในช่องหูซ้ำบ่อยๆ ควรสอบถามแพทย์ที่รักษาว่า เกิดจากสาเหตุใด เพื่อซักประวัติ หรือตรวจหาโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดร่วมด้วย

4. การป้องกัน

  • ไม่ควรเอาสำลี หรือไม้แคะหูไปปั่น เพื่อทำความสะอาดเพราะอาจก่อให้เกิดการอักเสบ เกิดเชื้อรา หรือแก้วหูทะลุได้
  • เช็ดหูให้แห้งทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำ
  • ไม่ควรทำความสะอาดหูมากเกินไป ควรทิ้งขี้หูไว้เล็กน้อย เพราะขี้หูมีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อราตามธรรมชาติ

 

อ้างอิงจาก
bangkokhospitalchanthaburi, Rama Mahidol, Specsavers

Tags

No responses yet

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *