การสูญเสียการได้ยิน

การสูญเสียการได้ยิน

หูเป็นหนึ่งในอวัยวะที่เรียกได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันในด้านของ การได้ยิน แต่ทราบไหมคะว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังดูแลสุขภาพของหูผิดวิธี หรือไม่ทราบวิธีในการดูแลหูของเรา และกลายเป็นว่าทำให้เกิดผลเสียในอนาคตได้

หูเป็นอวัยวะที่ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญอยู่หลายส่วนและมีความซับซ้อน เมื่อเกิดปัญหาอาจส่งผลต่อส่วนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ กันและอาจทำให้เกิดภาวะการสูญเสีย การได้ยินเกิดขึ้นได้ ซึ่งการสูญเสียการได้ยินนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมเรื่องราวของการสูญเสียการได้ยินมาแนะนำให้ทุกคนได้ทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับหูได้ค่ะ

การสูญเสียการได้ยิน หรือภาวะการสูญเสียการได้ยินคือการที่สมรรถภาพในการได้ยินมีความบกพร่องหรือการได้ยินมีระดับการได้ยินที่แตกต่างออกไปจากเดิม เช่น จะได้ยินเสียงเมื่อเพิ่มความดังของเสียงให้ดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเมื่อเปรียบเทียบจากระดับเดซิเบลแล้ว จะสูงกว่า 25 เดซิเบลซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในการได้ยินในเบื้องต้นของมนุษย์ 

การสูญเสียการได้ยินสามารถวัดได้จากเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีชื่อว่า audiometer จะสามารถวัดระดับการได้ยินและจำแนกการสูญเสียตามองค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ดังนี้

  • ระดับการได้ยินน้อยกว่า 25 เดซิเบล การได้ยินเป็นปกติ
  • ระดับการได้ยิน 25-40 เดซิเบล เริ่มมีภาวะหูตึงเล็กน้อย
  • ระดับการได้ยิน 41-60 เดซิเบล มีภาวะหูตึงปานกลาง
  • ระดับการได้ยิน 61-80 เดซิเบล มีภาวะหูตึงอย่างรุนแรง
  • ระดับการได้ยิน 81 เดซิเบลขึ้นไป มีภาวะหูหนวก

ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยิน

  • ช่วงอายุ  เมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายรวมไปถึงอวัยวะต่าง ๆ ก็เสื่อมตามเช่นกัน
  • เสียง การอยู่ในบริเวณที่ต้องพบกับเสียงดังเป็นระยะเวลานาน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หูถูกทำลายซ้ำ ๆ จนกระทั่งสูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้
  • อาการเจ็บป่วย อาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินเนื่องจากเซลล์ขนในหูถูกทำลาย
  • ยา ยาบางชนิดก็สามารถส่งผลกับระบบของหูได้ เช่น การใช้ยาแอสไพรินในจำนวนมากเกินไป เป็นต้น

โดยปกติแล้วแพทย์มักจะพบสาเหตุของการสูญเสียการได้ยินโดยจะถูกแบ่งออกมาเป็นถึง 2 แบบใหญ่ ๆ คือการสูญเสียการได้ยินตามระยะเวลา และการสูญเสียการได้ตามชนิดของการสูญเสียการได้ยิน

การสูญเสียการได้ยินตามระยะเวลาจะแบ่งได้ดังนี้

  • การสูญเสียการได้ยินที่มีมาก่อนกำเนิด (Pre-lingual)
  • การสูญเสียการได้ยินที่มีหลังการกำเนิด (Post-lingual)

การสูญเสียการได้ยินตามชนิดของการสูญเสียการได้ยิน

  • Sensorineural Hearing Loss หรือประสาทหูเสื่อม
  • Conductive Hearing Loss หรือการนำเสียงเสื่อม
  • Mixed Hearing Loss หรือการสูญเสียการได้ยินแบบผสม

การสูญเสียการได้ยินที่แบ่งตามชนิดของการสูญเสียการได้ยินมีทั้งหมด 3 แบบ โดยมีลักษณะที่สังเกตได้ดังนี้

  • Sensorineural Hearing Loss หรือประสาทหูเสื่อม เกิดจากเซลล์ประสาทหูภายในได้รับการกระทบกระเทือนหรือมีความเสียหายเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ประสาทในการรับเสียงเสียหาย
  • Conductive Hearing Loss หรือการนำเสียงเสื่อม คือการนำเสียงบกพร่องโดยมักเกิดบริเวณหูชั้นนอกและหูชั้นกลาง โดยจะพบว่าสาเหตุมาจากการเดินทางนำเสียงถูกปิดกั้นไปยังหูชั้นใน
  • Mixed Hearing Loss หรือการสูญเสียการได้ยินแบบผสม คือการเกิดภาวะการเกิดการสูญเสียการได้ยินที่เกิดขึ้นจากอาการระบบนำเสียงบกพร่องและประสาทหูเสื่อม ซึ่งมักจะเกิดขึ้นพร้อมกันนั้นเอง

นอกจากนี้สูญเสียการได้ยินยังมีสาเหตุอีก 1 สาเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้คือ การสูญเสียงการได้ยินจากมลภาวะทางเสียงที่มักจะพบได้ในชีวิตประจำวัน

การสูญเสียการได้ยินจากมลภาวะทางเสียง (Noise-Induced Hearing Loss)

สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยสาเหตุที่มักจะพบจะมาจากการต้องอยู่กับบริเวณที่มีเสียงดังที่มากกว่า 85 เดซิเบลติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งมีโอกาสจะทำให้เซลล์ขนที่อยู่ภายในหูชั้นในถูกทำลาย การสูญเสียการได้ยินประเภทนี้พบได้ทั้งการที่ค่อย ๆ สูญเสียการได้ยินไปทีล่ะนิด หรืออาจเกิดจากการเจอกับเสียงดังมาก ๆ ในครั้งเดียว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหูอื้อและเกิดอาการหูดับเป็นลำดับถัดไป หรือที่เรารู้จักกันในชื่อการสูญเสียการได้ยินแบบฉับพลัน

การสูญเสียการได้ยินแบบฉับพลัน (Sudden Hearing loss)

การสูญเสียการได้ยินแบบฉับพลันมักจะเกิดได้ในทันทีสาเหตุที่เกิดขึ้นมาอยู่หลากหลายแบบ ทั้งการพบเสียงดังมาก ๆ จนทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงอย่างฉับพลัน ในบางรายพบว่าเกิดจากการทานเนื้อหมูที่ไม่ได้ปรุงจนสุก หรือในบางรายพบว่าเกิดจากอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือการได้รับการกระทบกระเทือน เมื่อเวลาผ่านไปผู้ป่วยหลายคนมีโอกาสกลับมาได้ยินอีกครั้ง แต่ก็ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้เช่นกัน

สัญญาณที่สังเกตได้ว่าเรากำลังเจอปัญหาที่เกี่ยวกับการได้ยิน

  • รู้สึกได้ยินไม่ชัด รู้สึกคล้ายว่าคู่สนทนาพูดคำอู้อี้
  • ไม่สามารถจับใจความของคู่สนทนาในพื้นที่จอแจได้
  • บางรายมีอาการไม่ได้ยินเสียง คล้ายอยู่ในห้องเงียบ
  • บางรายมีอาการของการมีเสียงรบกวนในหูประกอบ
  • ต้องใช้เสียงที่ดังมากกว่าเดิมในการฟัง

เรื่องของการสูญเสียการได้ยินไม่ได้พบแค่ในวัยสูงอายุเท่านั้น ในเด็กและเด็กทารกก็เรียกได้ว่าสามารถพบเจอได้เช่นกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงวัย คือ ทารกและวัยเด็ก

การสูญเสียการได้ยินในวัยทารก

  • ไม่แสดงอาการตกใจกับเสียงดังรอบตัว
  • ไม่มีปฏิกิริยากับเสียงเรียกแม้จะอยู่ใกล้ ๆ
  • ไม่สามารถพูดเป็นคำ ๆ ได้

การสูญเสียการได้ยินในเด็ก

  • พูดช้าและพูดไม่ชัด
  • ไม่เข้าใจคำสั่งหรือคำบอก
  • จำเป็นจะต้องใช้เสียงที่ดังกว่าปกติเพื่อให้เด็กสนใจ

อ่านถึงตรงนี้แล้วเรียกได้ว่าความอันตรายของการสูญเสียการได้ยินเรียกว่ามีหลายส่วนเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อยืดอายุการใช้งานของหูของเรา รวมไปถึงการตรวจสุขภาพของหูเพื่อช่วยยืดระยะการใช้งานให้กับตนเองด้วย

หรือหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อมาที่ hearLIFE เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เพราะ hearLIFE อยากให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

Tags

No responses yet

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *