เคล็ดลับการเลือกเครื่องช่วยฟัง

วันนี้ hearLIFE มี 5 เคล็ดลับการเลือก เครื่องช่วยฟัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่กำลังตัดสินใจ หรืออาจจะลังเลกับการเลือกเครื่องช่วยฟังอยู่ อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้ท่านเข้ารับคำปรึกษาและตรวจการได้ยินจากผู้เชี่ยวชาญหรือนักแก้ไขการได้ยินก่อนการตัดสินใจซื้อ เครื่องช่วยฟัง ซึ่งจะทำให้ท่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและได้เครื่องช่วยฟังที่ตรงกับการได้ยินของท่านมากที่สุด

เคล็ดลับเลือกเครื่องช่วยฟัง

 

1. เครื่องช่วยฟัง ใส่แล้วต้องฟังสบาย

การเลือกเครื่องช่วยฟังให้มีเสียงดังพอดีนั้น พิจารณาจากกำลังขยายของตัวเครื่องช่วยฟัง หากเครื่องช่วยฟังมีกำลังขยายเหมาะสมกับระดับการสูญเสียการได้ยินของผู้ใช้งานก็จะสามารถขยายเสียงให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงดังพอดีและฟังสบายได้ ในการเลือกเครื่องช่วยฟัง นักแก้ไขการได้ยินจะใช้ผลตรวจการได้ยินมาคำนวณเพื่อเลือกเครื่องช่วยฟังให้มีกำลังขยายเหมาะสม ซึ่งควรเป็นผลตรวจการได้ยินปัจจุบัน หรือหากเป็นผลเก่าควรมีอายุไม่เกิน 6 เดือนแต่ในกรณีนี้การได้ยินต้องคงเดิม ซึ่งหากท่านไม่มั่นใจว่าการได้ยินเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่นั้น ท่านสามารถเข้ารับการตรวจเช็กการได้ยินใหม่อีกครั้งจากนักแก้ไขการได้ยินก่อนทดลองเครื่องช่วยฟัง

2. ปรับความดังได้ตามต้องการ

ในปัจจุบัน ผู้ใช้งานสามารถเลือกส่วนประกอบหรือฟีเจอร์ของเครื่องช่วยฟังได้ว่าต้องการให้มีคุณสมบัติพิเศษใดบ้างในเครื่องช่วยฟัง ซึ่งปุ่มปรับเสียงถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติเด่นที่เครื่องช่วยฟังที่ดีควรมี โดยถึงแม้ว่าในวันที่ซื้อเครื่องช่วยฟังท่านจะได้รับการปรับตั้งค่าเสียงให้มีความเหมาะสมแล้วก็ตาม แต่เมื่อกลับไปใช้งานในสถานการณ์จริง ผู้ใช้เครื่องช่วยฟังบางท่านอาจจะรู้สึกว่าต้องการปรับเปลี่ยนความดังของเครื่องช่วยฟัง ซึ่งหากผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม-ลดเสียงเครื่องช่วยฟังได้เองในสถานการณ์ต่าง ๆ ของชีวิตประจำวัน ก็จะทำให้การใช้เครื่องช่วยฟังนั้นมีความสบายต่อการรับฟังมากยิ่งขึ้น

3. มีโปรแกรมการฟังให้เลือกใช้หลากหลาย

เครื่องช่วยฟังบางรุ่นมีคุณสมบัติที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกตั้งค่าการขยายเสียงในรูปแบบต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้เครื่องช่วยฟังบางรุ่นยังสามารถคำนวณแล้วเลือกปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้เองอัตโนมัติ ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้เชี่ยวชาญหรือนักแก้ไขการได้ยินจะเป็นผู้ปรับตั้งค่าเสียงตามผลตรวจการได้ยิน และปรับแต่งคุณภาพเสียงเพื่อให้เหมาะสมกับโปรแกรมการขยายเสียงในลักษณะต่าง ๆ ผู้ใช้งานเครื่องช่วยฟังจะได้เลือกปรับเปลี่ยนได้ตามความพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมสำหรับการใช้ทั่วไปหรือในที่เงียบ โปรแกรมสำหรับใช้ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะๆ เช่น สถานบันเทิง หรือร้านอาหาร โปรแกรมสำหรับการดูโทรทัศน์ โปรแกรมสำหรับการคุยโทรศัพท์ เป็นต้น

4. เสียงที่ได้ยินต้องไม่น่ารำคาญ

เครื่องช่วยฟังเปรียบเสมือนเครื่องขยายเสียงขนาดจิ๋วที่จะช่วยขยายเสียงให้เราได้ยินดังขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปเครื่องช่วยฟังจะขยายทั้งเสียงพูดและเสียงสภาพแวดล้อม ดังนั้นการเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีจำนวนช่องสัญญาณที่มากกว่าก็จะทำให้ผู้ใช้งานได้ยินเสียงดังชัดเจนและฟังสบายกว่า ด้วยระบบการขยายเสียงที่มีความละเอียดและปราณีตกว่า นอกจากนี้คุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น ระบบตัดเสียงรบกวน ระบบเลือกขยายเฉพาะเสียงพูด ก็จะเป็นอีกปัจจัยเสริมที่ทำให้คุณภาพเสียงนั้นชัดเจนและดียิ่งขึ้นอีกด้วย

5. เลือกศูนย์บริการที่มีความน่าเชื่อถือ

อีกหนึ่งเคล็ดลับสุดท้ายที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการพิจารณาเลือกเครื่องช่วยฟังนั่นก็คือ การเลือกศูนย์บริการด้านการได้ยินที่มีผู้เชี่ยวชาญหรือนักแก้ไขการได้ยินคอยดูแลให้คำปรึกษาด้านเครื่องช่วยฟัง มีการรับประกันคุณภาพ และบริการหลังการขายที่ดี

หากรู้สึกว่ามีปัญหาการได้ยิน ควรเข้ารับการตรวจการได้ยินกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือนักแก้ไขการได้ยิน ผลตรวจการได้ยินที่ถูกต้องแม่นยำจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีความพอดีและเหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือนักแก้ไขการได้ยินจะสามารถปรับแต่งคุณภาพเสียงของเครื่องช่วยฟังให้เหมาะสมกับระดับการได้ยินเฉพาะบุคคล สามารถแนะนำและให้คำปรึกษาได้อย่างละเอียด โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือนักแก้ไขการได้ยินจะช่วยคัดเลือกเครื่องช่วยฟังที่มีคุณภาพเสียงดี มีการรับประกันคุณภาพเครื่องช่วยฟังให้กับผู้ใช้งานเฉพาะบุคคลได้

 

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับโรคหูเพิ่มเติมได้ที่ บทความ

Line Official : @hearlifeth

Facebook: https://www.m.me/hearlifethai

หรือโทร 02-693-9411

 

Tags

No responses yet

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *