ปัจจุบันนี้หลายๆโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศไทยมีการเพิ่มการตรวจการได้ยินเข้าไปในแพคเกจโปรแกรมคลอดบุตรสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ซื้อแพ็คเกจคลอดบุตรไว้ ซึ่งในกรณีทารกแรกเกิดนี้ การตรวจการได้ยินจะเป็นชนิดการตรวจเพื่อ คัดกรองการได้ยิน ซึ่งจะตรวจเมื่อทารกมีอายุครบ 24 ชม. หรือตรวจก่อนกลับบ้าน ซึ่งจะตรวจโดยใช้วิธีตรวจวัดเสียงสะท้อนจากหูชั้นใน (Otoacoustic emission : OAEs)
ผลการตรวจจะแสดงออกมาเป็น 2 รูปแบบคือ “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน”
กรณีผลการตรวจ คัดกรองการได้ยิน “ผ่าน”
ผลตรวจคัดกรอง “ผ่าน” แสดงว่าหูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นในของทารกปกติ และสัมพันธ์กับระดับการได้ยินที่ดีกว่า 30 เดซิเบล แต่ผู้ปกครองยังคงต้องติดตามพัฒนาการทางภาษาของเด็กต่อไป
หากพบว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้ากว่าปกติ หรือไม่แสดงท่าทีตอบสนองต่อเสียงแล้ว ผู้ปกครองจะต้องพาเด็กไปปรึกษาโสต ศอ นาสิกแพทย์ เพื่อตรวจหูและการได้ยินซ้ำ โดยพัฒนาการทางภาษาในเด็กโดยสังเขป มีดังนี้
กรณีผลการตรวจ คัดกรองการได้ยิน “ไม่ผ่าน”
ผลตรวจคัดกรอง “ไม่ผ่าน” อาจสัมพันธ์กับการสูญเสียการได้ยินที่ระดับมากกว่า 30 เดซิเบล แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากมีเสียงรบกวนอื่นๆขณะตรวจ เช่น ห้องตรวจเงียบไม่เพียงพอ มีเสียงเครื่องปรับอากาศหรือเสียงยานพาหนะรบกวน ผู้ป่วยขยับตัว กลืนนมเสียงดังหรือหายใจเสียงดัง ทำให้ตรวจวัดเสียงที่ปล่อยจากหูชั้นในไม่ได้
นอกจากนี้ความผิดปกติอื่นๆที่ไม่ได้เกิดจากการสูญเสียการได้ยิน เช่น ขี้หูอุดตัน น้ำคร่ำขังในหูชั้นกลาง ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลไม่ผ่านได้เช่นกัน
ทารกที่ตรวจคัดกรองการได้ยินไม่ผ่าน จะได้รับการนัดติดตามเพื่อตรวจซ้ำอีกครั้งภายใน 1 เดือน หากผลปกติผู้ปกครองยังคงต้องติดตามพัฒนาการทางภาษาต่อไป แต่หากผลการตรวจซ้ำยังคงไม่ผ่านเช่นเดิม ทารกจะได้รับการนัดพบแพทย์ หู คอ จมูก เพื่อส่องตรวจหู และตรวจวินิจฉัยการได้ยินแบบละเอียด เพื่อหาสาเหตุ รักษา ฟื้นฟู และเฝ้าระวังอย่างถูกต้องต่อไป
หากท่านใดสนใจอยากปรึกษาเกี่ยวกับ เครื่องช่วยฟัง ประสาทหูเทียม สามารถติดต่อมาได้ที่ hearLIFE เรามีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมรองรับทุกปัญหาการได้ยิน และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาการได้ยินที่พร้อมให้คำปรึกษา และบริการ
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับโรคหูเพิ่มเติมได้ที่ บทความ
Line Official : @hearlifeth
Facebook: https://www.m.me/hearlifethai
หรือโทร 02-693-9411
No responses yet